กิจกรรมการศึกษา

วันจันทร์ที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2554

ผู้แพ้ และ ผู้ชนะ

ผู้ชนะ   ก้าวไปข้างหน้าอย่างสม่ำเสมอ

ผู้แพ้    มีสองระดัความเร็วคือ
           อารมณ์ที่รุนแรงและความหม่นหมอง


ผู้ชนะ   ทำในสิ่งที่จำเป็นด้วยความฉลาด
           สงวนกำลังไว้ใช้ในสถานการณ์ที่มีทางเลือก

ผู้แพ้    ทำในสิ่งที่จำเป็นต้องทำด้วยความไม่พอใจ
           จึงไม่เหลือพลังไว้ใช้ในสถานการณ์ที่มีทางเลือก


ผู้ชนะ   ทำงานหนัก ได้งานและมีเวลาเหลือ

ผู้แพ้     ยุ่งอยู่ตลอดเวลากับสิ่งที่เรียกว่าจำเป็น
            แต่ไม่ได้การได้งาน


ผู้ชนะ   พยายามไม่ทำร้ายผู้อื่น
           และทำบ้างก็อย่างมีเป้าหมายที่สูงกว่า

ผู้แพ้     ไม่ต้องการทำร้ายใครเลย
            แต่ทำร้ายผู้อื่นอยู่ตลอดเวลาอย่างไม่รู้ตัว


ผู้ชนะ    ใช้ข้อบกพร่องของตนเองให้เป็นผลดี

ผ้แพ้     กลับทำลายข้อดีของตน
            เพื่อรักษาข้อบกพร่องเอาไว้


ผู้ชนะ    นำปัญหาใหญ่มาแยกย่อยเป็นส่วน ๆ
            แก้ทีละส่วนจากง่ายไปสู่ยาก

ผู้แพ้      นำปัญหาย่อย ๆ มาปะปนกัน
             จนเป็นปัญหาใหญ่ไม่รู้จะเริ่มแก้ที่จุดใด


ผู้ชนะ    ตอบโต้และให้อภัย

ผู้แพ้     ขลาดเกินกว่าจะตอบโต้
            และใจแคบเกินกว่าจะให้อภัย


ผุ้ชนะ    มองด้านดีของผู้ร่วมงาน
            และประสานด้านนั้นเข้ามาสู่การทำงาน

ผู้แพ้      มองเห็นแต่ข้อด้อยและตอกย้ำ
             การประสานงานจึงล้มเหลว


ผู้ชนะ    ยอมรับอคติของตน
            เมื่อต้องใช้วิจารณญานตัดสิน ก็พยายามแก้ไขอคตินั้น ๆ

ผู้แพ้     ปฏิเสธอคติของตน
            อคตินั้นจึงถูกกักขังเอาไว้ตลอดชีวิต


ผู้ชนะ    ไม่เกรงกลัวที่จะเปลี่ยนความคิด
             เมื่อเผชิญกับสถาณการณ์ที่เปลี่ยนแปลง

ผู้แพ้      เข้มงวดกับกรอบระเบียบ
             มากกว่าความถูกต้องความสมควร


ผู้ชนะ    คือผู้ที่เอาจริงเอาจัง
            โดยไม่ต้องวางท่าอย่างเป็นทางการ

ผู้แพ้      มักวางท่าอย่างเป็นทางการเสมอ
             เพื่อทดแทนการไร้ซึ่งความสามารถ
             ในการเอาจริงเอาจัง




 
คัดจาก..ผู้แพ้  ผู้ชนะ แปลและเรียบเรียงโดย นิดา หงษ์วิวัฒน์

คำว่าคน

เทคนิคเรียนดี

1. อ่านหนังสือตอนเช้าๆ จะช่วยในการจดจำได้เยอะเพราะว่าตอนเช้าสมองของเราปลอดโปร่ง ถ้าเทียบกับตอนเย็น หรือตอนดึกๆ เนื่องจากสมองของเราผ่านอะไรมามากมายแล้ว สู้รบปรบมือกันมาทั้งวัน
2. รู้มั้ยว่า การยืนอ่านหนังสือ ช่วยในการจดจำมากกว่า การนั่งอ่านหนังสืออีกนะจะบอกให้แล้วอีกอย่างช่วยกัน การหลับคาหนังสืออีกด้วย
3. การจดโน๊ต ให้ดูสะอาดตาสวยงาม จะเป็นสิ่งดีมากๆ เนื่องจากลายมือที่สวยและเป็นระเบียบ จะช่วยในการจดจำได้เป็นอย่างดีเลยหล่ะ ถ้าบอกแบบนี้ เราควรใช้กระดาษสีขาว และปากกาหมึกสีดำ ช่วยให้อักษรมีความชัดเจน และมีพลังเยี่ยมยอดเมื่อบวกกับสีขาวในกระดาษที่เป็นช ่องว่างอยู่ การเรียบเรียงตัวอักษร เราควรที่จะจดแบบให้มีการเคลื่อนไหว แทนที่จะจดแบบแนวนอน เรียงยาวแบบธรรมดาๆ ก็คือการจดแบบเป็นกลอน แทนที่จะจดให้มันเป็นพรืดยาว จนเอียน การจดแบบนี้ ทำให้เมื่อยสายตา เพราะเราต้องใช้สายตากวาดทอดยาวไป ทำให้เมื่อยล้าสายตาอย่างยิ่ง ทำให้เลิกอ่านกันไปดื้อๆแต่การที่เราจดแบบกลอน มันช่วยให้สายตาของเราไม่ล้า ทำให้เราอ่านหนังสือได้มากขึ้น และจำได้รวดเร็วกว่าเดิม ไม่ต้องมาอ่านซ้ำหลายๆ รอบเหมือนแต่ก่อน
4. การจดอีกแบบนึง ก็คือ การจดแบบ mind mapping การจดแบบนี้ หลายๆ คนคงจะคุ้นเคยกันดี คือ การ มีคีย์เวิร์ดชื่อเรื่องไว้ตรงกลาง แล้วแตกสาขากิ่งก้านหัวข้อย่อยๆ ออกมา ขอย้ำนิดนึงว่า ควรจะใช้คำสั้นๆ ที่สำคัญๆ เพื่อง่ายต่อการจดจำ และไม่น่าเบื่อ
5. การเรียนแบบจับคู่ ควรที่จะมีคู่หู 1 คนในการเรียนเพื่อแชร์ความรู้ที่แต่ละคนได้มา และโต้เถียงความรู้กันอยู่บ่อยๆ ซึ่งวิธีนี้ก็ได้ผลดีเช่นกัน ทำให้การเรียนมีสีสัน และเกิดความตื่นตัวอีกด้วย
6. การอ่านหนังสือเสียงดัง หรือโยกตัว โยกขา การอ่านแบบมีจังหวะจะโคน ช่วยในการจดจำด้วย เพราะว่าเราได้ใช้ประสาทสัมผัสส่วนต่างๆ

บารากู่



วัยรุ่น วัยโจ๋คนไหนที่กำลังฮิตการสูบบารากู่ เพราะคิดว่าทำมาจากสมุนไพร และ กากผลไม้ ไม่เป็นอันตราย ฟังทางนี้! วันนี้ S!campus มี 5 ข้อมูลน่ารู้เกี่ยวกับอันตรายของบารากู่มาฝาก...

1. ควันจากการสูบบารากู่ มีระดับสารพิษสูงกว่าควันบุหรี่หลายเท่า ทั้งระดับนิโคติน ระดับคาร์บอนมอนอกไซด์ และสารก่อมะเร็งอื่นๆ อีกเพียบ
2. ควันที่เกิดจากการเผาไหม้ทุกชนิด หากสูดหายใจเข้าไปก็ล้วนเป็นอันตรายต่อปอดและร่างกาย
3. ผลไม้และสมุนไพรต่าง ๆ จะปลอดภัยถ้าหากเรานำมากิน แต่หากเกิดการเผาไหม้จะเปลี่ยนเป็นสารพิษและสารก่อมะเร็งมากมายหลายชนิดได้ แม้จะมีหรือไม่มียาเส้นผสมอยู่ด้วยก็เถอะ
4. ควันยาสูบที่ผ่านน้ำออกมา อาจแนตรายกว่าที่คิด เพราะน้ำไม่สามารถกรองสารพิษต่างๆไว้ได้ เมื่อเพื่อน ๆ ออกแรงสูบควันผ่านน้ำเข้าไปในร่างกาย ควันนั้นก็จะเข้าไปในปอดได้ลึกและเป็นอันตรายมากขึ้น
5. การสูบบารากู่ ก็ทำให้เพื่อน ๆ เกิดการเสพติด (ติดยา) ได้เช่นเดียวกับการสูบยาชนิดอื่นๆ หรือบางที หากโชคร้ายกว่านั้น ก็อาจมีผู้ฉวยโอกาสนำยาเสพติด เช่น ยาม้า ยาเค ยาอี กัญชา หรือผงขาว ผสมเข้าไปในยาสูบบารากู่ ก็ทำให้เกิดการเสพติดที่อันตรายร้ายแรงยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ การสูบบารากู่จะเป็นอันตรายแล้ว การใช้อุปกรณ์การสูบบารากู่ชิ้นเดียวกัน ร่วมกันหลายๆ คน ก็จะทำให้เกิดการแพร่เชื้อโรคติดต่ออย่างวัณโรค ไข้หวัดใหญ่ ฯลฯ ได้อีก

เก้าอี้ในสำนักงาน ใครเร็วกว่ากัน

เมืองบัดโคนิกในเยอรมนี จัดการแข่งขันประลองความเร็วเก้าอี้สำนักงาน ในงานประจำปีซึ่งจัดขึ้นเป็นปีที่ 3 แล้ว

การแข่งขันเก้าอี้สำนักงานจัดขึ้นในเมืองบัดโคนิกซึ่งเป็นเมืองตากอากาศทางตะวันออกเฉียงใต้ของเยอรมนี โดยมีผู้เข้าร่วมแข่งขัน 64 คน แต่ละคนนำเก้าอี้สำนักงานแบบที่มีล้อ ดัดแปลงเป็นแบบต่างๆ เพื่อนำมาแข่งประลองความเร็วบนถนนแข่งซึ่งมีความยาวเพียง 200 เมตร แต่ว่าเป็นทางลาดและมีอุปสรรคกีดขวาง โดยผู้เข้าแข่งขันต้องนั่งไปกับเก้าอี้ด้วย บางคนทำความเร็วได้ถึง 35 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

ผู้จัดการแข่งขันระบุว่า ผู้เข้าแข่งขันทุกคนต้องจริงจังและเตรียมอุปกรณ์ต่างๆ ให้พร้อม

โดยผู้ที่ได้รับเสียงเชียร์มากที่สุดคือ "ไฮโก วินเตอร์" ซึ่งแต่งชุดคาวบอย มาพร้อมกับเก้าอี้สำนักงานที่เขาตกแต่งเป็นม้า แต่หลังจากข้ามสิ่งกีดขวาง เก้าอี้เขาก็พัง ซึ่ง "ไฮโก วินเตอร์" ระบุว่า จะกลับมาแข่งใหม่

การแข่งขันนี้จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี โดยปีนี้เป็นปีที่ 3 ขณะมีผู้ร่วมแข่งขันมาจากหลายเมืองในเยอรมนี รวมถึงประเทศเพื่อนบ้านอย่างลักเซมเบิร์กด้ว

"ฝัน" เกิดจากอะไร

ความฝันเกิดจากจิตใต้สำนึกของคนเรา ซึ่งเป็นแรงผลักดันจาก Id หรือ อิด ซึ่งหมายถึงสัญชาตญาณที่ติดตัวมาแต่กำเนิดและเป็นความแตกต่างระหว่างบุคคล ส่วนจิตใต้สำนึกคือความคิด ความรู้สึกที่เราไม่รู้ พูดง่ายๆอีกได้ว่า

ความคิดความรู้สึกที่ไม่รู้คือจิตใต้สำนึก ส่วนที่รู้ก็ไม่เรียกจิตใต้สำนึก ยกตัวอย่างเช่น ช่วงที่เราตื่นอยู่เราไม่ได้คิดถึงฐานะความเป็นอยู่ แต่กลับฝันว่ามีเงินทองร่ำรวยและมีความสุขมาก นั่นแสดงว่าความรู้สึกลึกๆของเราอยากรวยนั่นเอง

วิธีบรรเทาอาการปวดจากการใช้คอมพิวเตอร์

คนที่ใช้คอมพิวเตอร์เป็นประจำ มักจะมีอาการปวดศีรษะ คอ บ่า ไหล่ และปวดตา นานวันเข้าอาการปวดก็มักจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ถ้าไม่ได้รับการดูแลรักษา จนกระทั่งอาจจะมีอาการปวดเรื้อรัง ในบางวันที่คุณทน รำคาญความเจ็บไม่ไหว ก่อนไปถึงมือหมอให้ลองทำท่านวดตัวเองไปพลางก่อน อย่างน้อยก็ช่วยบรรเทาได้
ท่าแรก : ใช้นิ้วชี้ นิ้วกลาง นิ้วนางของมือทั้งสองข้าง กดขอบกระบอกตาบนบริเวณคิ้วให้แน่นพอควร ค่อยๆ ดันนิ้วทั้งสามเลื่อนขึ้นไปบนศีรษะจนถึงท้ายทอยแบบเสยผม ทำ 10-20 ครั้งท่าสอง : ยื่นมือขวาไปข้างหน้าแนวตรงขนานกับพื้น ให้ใช้มือซ้ายจับข้อศอกขวาดึงเข้าหาลำตัว ทำสลับข้างไป-มา จะช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อไหล่ จะรู้สึกตึงๆ นับ 1-10 ช้าๆ ค่อยเปลี่ยนสลับทำอีกข้างหนึ่ง
ท่าสาม : ยื่นแขนข้างขวาขึ้นเหนือศีรษะให้ตึง ใช้แขนซ้ายอ้อมหลังศีรษะไปจับตรงข้อศอก แล้วดึงแขนขวา ที่ยกสูงให้เอียงลงด้านซ้าย จะรู้สึกตึงๆ นับ 1-10 ช้าๆ ค่อยเปลี่ยนสลับทำอีกข้างหนึ่ง

จะทำทุกท่าสลับกันหรือจะทำทีละท่าก็ได้ โดยทำท่าละอย่าง น้อย 20 ครั้ง